ถือเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจของวงการเกม เพราะ Disney Dreamlight Valley เกมใช้ชีวิตในหมู่บ้านร่วมกับตัวละคร Disney ที่พัฒนาโดยค่าย Gameloft ตอนแรกตั้งใจเปิดเป็นเกม free-to-play แต่ล่าสุดเปลี่ยนใจ หันเหแนวทางมาเป็นเกมที่ต้องซื้ออย่างเต็มตัว

Dreamlight Valley เปิดตัวครั้งแรกในปี 2022 โดยยังมีสถานะเป็น Early Access ผู้เล่นต้องซื้อแพ็กเกจ Founder’s Pack Edition เพื่อสิทธิเล่นก่อนใคร (ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกนักในวงการเกม) เมื่อครั้งนั้น Gameloft ประกาศความตั้งใจว่าเมื่อเกมพ้นสถานะ Early Access แล้วจะเปิดให้เล่นฟรี หารายได้จากการขายไอเทมในเกมแทน

เวลาผ่านไปปีกว่า Gameloft ประกาศว่าเกมจะพ้นสถานะ Early Access ในวันที่ 5 ธันวาคม 2023 แต่บริษัทเปลี่ยนใจไม่ไปโมเดล free-to-play แล้ว (สงสัยเกม Early Access ขายดี) เกมจะยังใช้โมเดลขายแบบเดิมต่อไป ผู้เล่นต้องซื้อแพ็กเกจในราคาขั้นต่ำ 39.99 ดอลลาร์ และมีแพ็กเกจขั้นสูง Cozy Edition 49.99 ดอลลาร์ กับ Gold Edition 69.99 ดอลลาร์ ที่จะได้ไอเทมในเกมเพิ่มขึ้นจากเดิม

Gameloft อธิบายเหตุผลว่าโมเดลการขายเกมแบบนี้ ทำให้ผู้เล่นทุกคนยังได้ประสบการณ์พรีเมียมต่อไป และบริษัทมีเงินไปอัพเดตเนื้อหาใหม่ๆ ให้ผู้เล่นเหล่านี้ได้ฟรี ส่วนการซื้อไอเทมในเกมด้วยสกุลเงิน moonstones จะยังเป็นแค่ทางเลือก (optional) ซึ่งผู้เล่นหาเงินได้ทั้งจากการเก็บสมบัติในเกม หรือจะซื้อด้วยเงินจริงก็ได้เช่นกัน

โมเดลธุรกิจอีกอย่างของเกมนี้คือการขาย Expansion Pass ซึ่งตอนนี้ออกตัวแรกมาแล้วชื่อ A Rift in Time ขายในราคา 29.99 ดอลลาร์ เปิดให้เล่น 5 ธันวาคม พร้อมกับการพ้นสถานะ Early Access

แนวทางของ Dreamlight Valley ถือว่าสวนกระแสตลาด ที่เกมพรีเมียมเดิมหันมาเปิดเล่น free-to-play เพื่อขยายฐานผู้เล่นให้กว้างขึ้น (เช่น The Sims หรือ Overwatch 2) แต่ Gameloft ก็ออกตัวว่าจะใช้โมเดลพรีเมียมไปก่อน ในอนาคตระยะสั้นที่มองเห็น (foreseeable future) แปลว่าหากต้องปรับเป็น free-to-play บ้างในอนาคตระยะยาวก็สามารถทำได้เช่นกัน

ที่มา – Dreamlight Valley via VGC