ข้อมูลใหม่ – เกิดอะไรขึ้นที่ Microsoft ? ในวันที่ Sam Altman ถูกไล่ออก – SMS Marketing ราคาถูกที่สุด
เรื่องราวโกลาหลใน OpenAI เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา บอร์ดบริษัทประกาศฟ้าผ่าไล่ออกซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Sam Altman แบบไม่มีใครคาดคิด กระแสต่อต้านภายใน OpenAI มีมากขึ้น ไมโครซอฟท์ที่เป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ประกาศรับ Sam และทีมงาน แล้วเรื่องก็พลิกจบที่ Sam กลับมาเป็นซีอีโอ OpenAI ต่อ พร้อมกับปรับโครงสร้างบอร์ด สิ่งที่คาดเดาได้คือจะต้องมีเรื่องเล่าที่ตามมาจากนี้ว่าตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
Charles Duhigg ผู้สื่อข่าวของ The New Yoker ซึ่งเริ่มเก็บข้อมูล เกี่ยวกับการสร้าง AI ของ OpenAI และไมโครซอฟท์ มาอย่างน้อย 6 เดือน ผ่านการติดตามพูดคุยกับ Kevin Scott ซีทีโอไมโครซอฟท์ และ Mira Murati ซีทีโอ OpenAI เวลานั้น ทำให้เขาอยู่ท่ามกลางผู้บริหารในช่วงที่เกิดเหตุการณ์นี้พอดี ได้เล่าเรื่องราวล่าสุดว่าวันนั้นเขารับรู้อะไรมาบ้าง
Satya Nadella ซีอีโอไมโครซอฟท์
Microsoft ที่รู้พร้อมกับคนอื่น
มีรายงานก่อนหน้านี้อยู่แล้วว่า Satya Nadella ซีอีโอไมโครซอฟท์ ก็มารับทราบข่าว Sam Altman ถูกไล่ออก พร้อมกับทุกคนผ่านแถลงการณ์ของ OpenAI โดยไม่รู้อะไรล่วงหน้าเลย แต่มีข้อมูลเพิ่มเติมว่าเกิดอะไรขึ้นในเวลานั้น โดย Satya กำลังประชุมกับผู้บริหารประจำสัปดาห์ แล้วพนักงานคนหนึ่งก็รีบมาแจ้งให้ Satya ให้รับโทรศัพท์ด่วน
คนที่โทรหา Satya คือผู้บริหารระดับสูงคนหนึ่งของ OpenAI ที่ไม่เปิดเผยชื่อ เขาบอก Satya ว่า ในอีก 20 นาที OpenAI จะออกแถลงการณ์ไล่ออก Sam ซึ่งในเวลานั้น Satya ก็ตกใจพูดไม่ออก และทันทีเขาก็โทรศัพท์หา Adam D’Angelo ซีอีโอ Quora ที่เป็นหนึ่งในบอร์ดบริษัท OpenAI ที่ร่วมไล่ Sam ออก เพื่อถามรายละเอียดของเรื่องที่เกิดขึ้น Adam ตอบว่าเพราะ Sam ไม่สามารถให้ข้อมูลและสื่อสารกับบอร์ดบริษัทได้ตรงไปตรงมาหลายครั้ง ซึ่งเป็นข้อความเดียวกับที่ OpenAI ใช้ในแถลงการณ์ และไม่ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติม
Satya ตัดสินใจโทรหา Kevin Scott ซีทีโอไมโครซอฟท์ ที่เพิ่งทราบข่าวเช่นกัน และเรียกประชุมด่วนกับผู้บริหารระดับสูงทั้งหมดในประเด็นนี้ เพื่อดูว่าไมโครซอฟท์ควรแสดงออกต่อเหตุการณ์นี้อย่างไร และบริษัทจะดำเนินแผนงานต่อไปอย่างไรกับ OpenAI ซึ่งได้ออกมา 3 แนวทาง
Kevin Scott ซีทีโอไมโครซอฟท์
แผน A ทำให้เรื่องเบาลงโดยบอกว่าไมโครซอฟท์จะสนับสนุน Mira Murati ซีอีโอชั่วคราวคนใหม่ พร้อมร่วมงานต่อ จากนั้นดูว่าบอร์ดจะเปลี่ยนใจ หรือให้ข้อมูลที่ชัดเจนกว่านี้หรือไม่
แผน B จะใช้ หากถ้าบอร์ดไม่ทำตามที่ต้องการในแผน A คือต่อรองกับ OpenAI ด้วยเงินลงทุนส่วนที่ยังไม่ได้จ่ายให้ เพื่อให้ได้ Sam กลับมาเป็นซีอีโอ พร้อมเสนอปรับโครงสร้างบอร์ด ในแผน B นี้ Charles อ้างแหล่งข่าวว่าในห้องประชุมถึงกับมีประโยคว่า ควรเอาคนที่เป็นผู้ใหญ่กว่านี้ไปควบคุมสถานการณ์ และทำให้ทุกอย่างเป็นเหมือนเดิม
แผน C รับ Sam พร้อมทีมงานมาเป็นพนักงานไมโครซอฟท์ เป้าหมายเพื่อสร้าง OpenAI ขึ้นใหม่ในไมโครซอฟท์
แผนทั้งหมดนี้ที่ประชุมบอกว่า เป้าหมายหลักคือทำให้ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติให้มากที่สุด ซึ่งสุดท้ายไมโครซอฟท์ก็ได้เดินเกมไปตามแผนครบทั้ง 3 วิธีตามลำดับ และแผน C ก็มีแรงกดดันสูงจนทำให้บอร์ด OpenAI ต้องยอมรับ Sam กลับมาเป็นซีอีโอในที่สุด
ความขัดแย้งของ Sam กับ Helen Toner
บทความนี้ยังพูดถึงประเด็นความขัดแย้งระหว่าง Sam Altman กับ Helen Toner กรรมการบอร์ดอิสระของ OpenAI ที่เป็นผู้อำนวยการศูนย์ Security and Emerging Technology ที่ Georgetown University ซึ่งมีรายงานออกมาบ้างก่อนหน้านี้ โดย Helen มีชื่อผู้แต่งร่วมในเปเปอร์ฉบับหนึ่ง ซึ่งวิพากษ์วิจารณ์ OpenAI ในเชิงลบ ช่วงแรก Helen ก็ยืนยันแนวคิดที่นำเสนอในเปเปอร์ แต่ต่อมาก็ยอมขอโทษเพราะไม่คิดว่าเปเปอร์นี้จะส่งผลลบต่อ OpenAI มากขนาดนี้
เปเปอร์ดังกล่าวทำให้มุมมองของ Sam ที่มีต่อ Helen ซึ่งไม่ค่อยดีอยู่แล้ว แย่ลงไปอีก เขาพยายามหลายครั้งเสนอให้บอร์ดเปลี่ยนคณะกรรมการอิสระจาก Helen เป็นคนอื่น แต่เรื่องนี้อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ Sam ถูกไล่ออก รายงานบอกว่าเขาใช้วิธีนำเสนอความคิดความเห็นกับบอร์ดทีละคน ให้มีมุมมองที่แย่ลงกับ Helen แต่เมื่อบอร์ดได้มาคุยกันก็พบว่า พวกเขาแต่ละคนถูก Sam ให้ข้อมูลที่แตกต่างกัน เพื่อหวังผลลัพธ์ที่ต้องการ
Sam Altman ซีอีโอ OpenAI
วิธีการนี้ว่ากันว่า Sam เคยใช้และประสบความสำเร็จมาแล้วครั้งหนึ่งตอน Elon Musk ขอเป็นซีอีโอแทนเขา แต่กรณีของ Helen ว่ากันว่า ผลที่ได้นั้นแตกต่างออกไป บอร์ดมีความระแวงมากขึ้น เมื่อรวมกับการมองที่เป้าหมายของการเป็นบอร์ดว่าต้องกำกับดูแล AGI หรือปัญญาประดิษฐ์ที่มีความสามารถรอบด้าน พวกเขารู้สึกว่าจะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้ ถ้ายังมี Sam เป็นซีอีโอต่อไป
เนื้อหาของรายงานนี้ส่วนใหญ่เน้นไปที่ประวัติของ Kevin Scott และ Mira Murati ตลอดจนความร่วมมือพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ระหว่างสองบริษัท โดยเฉพาะ Copilot ที่ไมโครซอฟท์มองว่าเป็นฟีเจอร์เด็ดในยุคถัดไปของไมโครซอฟท์ ตลอดจนมุมมองของ Kevin ต่อ AI ว่าจะส่งผลต่อโลกอย่างไร เราควรกลัวต่ออนาคตมากแค่ไหน
ที่มา: The New Yorker