สรุปงาน Best of Build Thailand จาก Microsoft จัดโดยนักพัฒนา เพื่อนักพัฒนา – SMS Marketing ราคาถูกที่สุด
Microsoft Thailand จัดงาน Best of Build Thailand เป็นสัมมมนาที่สำคัญของวงการเทคโนโลยี ที่จะนำความรู้การใช้เครื่องมือต่างๆ ของ Microsoft มาย่อยให้เป็นภาษาไทย เพื่อให้ทุกคน โดยเฉพาะนักพัฒนาซอฟต์แวร์ในองค์กรต่างๆ นำไปใช้และต่อยอดการทำงาน
อีกเป้าหมายคือ ทำให้เกิดคอมมูนิตี้ของนักพัฒนาซอฟต์แวร์ที่สร้างงานบนแพลตฟอร์มของ Microdoft ได้มาเรียนรู้งานร่วมกัน
Blognone เห็นว่า คอนเทนต์จากงานน่าสนใจ และคิดว่าจะมีประโยชน์ต่อคอมมูนิตี้และคนที่ติดตาม Blognone อยู่แล้ว จึงสรุปความสำคัญจากหลายๆ เซสชั่นมาในบทความนี้
[ 10 เทคโนโลยีที่โซลูชั่น Microsoft ช่วยให้ทำงานง่ายขึ้น ]
เริ่มต้นด้วย 10 เทคโนโลยีที่น่าจับตามองในปีนี้และในอนาคตตามรูปภาพ ซึ่งแต่ละเทคโนโลยี มีโซลูชั่นของ Mocrosoft เข้ามาซัพพอร์ตให้ทำงานง่ายขึ้น ซึ่งเราจะค่อยๆ ไล่เรียงในแต่ละข้อ
1. Developer Flow หรือการทำงานที่นักพัฒนาซอฟต์แวร์ ต้องได้โฟกัสกับงานเขียนโปรแกรมจริงๆ และทำได้เร็วที่สุด นำโค้ดไปรันให้เร็วที่สุด แต่จริงๆ แล้ว นักพัฒนาเสียเวลาไปกับการ Provision VMs นานครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว Microsoft จึงพัฒนาโซลูชั่น Github Codespaces ที่นักพัฒนาสามารถใช้ Github โดยที่ Provision VMs และอินฟราสตรัคเจอร์เข้า มาไว้ในที่เดียวกันได้ หรือสร้าง Environment ให้เราโฟกัสกับการเขียนโปรแกรมได้เต็มที่
และที่ช่วยให้ง่ายขึ้นคือ GitHub Copilot หรือ AI ช่วย Recommend Code ว่า Best Practice ต้องเขียนยังไง ช่วยบอกช่องโหว่ให้เราได้ ซึ่งจะช่วยกระชับเวลาทำงานให้นักพัฒนาได้อีกมาก
2. Cloud ubiquity คอนเซปต์คือ คลาวด์คอมพิวติ้งที่กระจายไปทุกที่
ตอนนี้การรันแอปพลิเคชั่น ลำพังอยู่บนคลาวด์อย่างเดียวอาจไม่ตอบโจทย์การใช้งาน และไหนๆ แล้ว Data Center ของ Microsoft Azure ก็เชื่อมต่อกันหมดอยู่แล้ว ดังนั้นบริการใหม่ Azure Arc จึงช่วยให้รันที่ Hardware on premise ของ Data Center ที่อื่นได้ ไม่ต้องพึ่งพาคลาวด์อย่างเดียว
ตั้งเป้าให้ Azure เป็น The World Computer ซึ่งสำคัญกับกับนักพัฒนาชาวไทยที่มักจะรัน Data Center กันเป็นส่วนใหญ่
Azure ยังทำงานร่วมกับ 5G ได้ในแง่การรันแอปพลิเคชั่นที่ควมหน่วงต่ำ หรือ Low Latency ซึ่งมีบริษัทเข้าร่วมโปรเจกต์เยอะมาก
3. App ubiquity เช่นเดียวกับข้อก่อนหน้า คือแอป จะไปอยู่ในทุกๆ ที่ นักพัฒนาสามารถ publish แอปพลิเคชั่นบน Microsoft Store และได้รายได้ไปเลย 100% ไม่ต้องแบ่งกับ Microsoft
เช่นเดียวกันกับการ publish เกม คือสร้างเกมแล้วส่งเกมไปได้ในทุกแพลตฟอร์ม ทุกดีไวซ์
4. Cloud Native คอนเซปต์คือ เป็นรูปแบบของการพัฒนาแอปลิเคชั่นยุคใหม่ โดยออกแบบเพื่อรองรับ การประมวลผลในรูปแบบคลาวด์ หรือในรูปแบบ Serverless นั่นเอง
ซึ่งส่วนนี้ Microsoft มี Azure Container Apps: Serverless container for microservices รองรับการใช้งานอยู่แล้ว
และยังมี Azure confidential computing ศักยภาพการทำคอมพิวติ้ง โดยที่ Data จะถูก Encrypt ให้ทั้งหมด เป็นประโยชน์มากๆ ในกรณีที่ต้องทำ Use Case จากข้อมูลคนไข้ โซลูชั่นพวกนี้ จะเข้ารหัสให้เลย โดยไม่ต้องกลัวว่าจะผิดกฎหมายคุ้มครองข้อมูล
โดย Microsoft เป็นพาร์ทเนอร์กับ AMD, Intel และ Nvidia เพื่อทำ Hardware Encryption
5. Unified data ปัญหาที่นักพัฒนาเจอคือ Data ในองค์กรมันอยู่กระจัดกระจาย สิ่งที่ Microsoft พยายามทำคือ Data ควรเป็นเรื่อง Front End มากขึ้น มีความสามารถในการเก็บรวมรวม Data มากขึ้น
Microsoft จึงทำ MS Intelligent Data Platform ออกมา ให้การจัดการข้อมูลทำได้รวดเร็ว ซึ่งทิศทางของเทคโนโลยี จะกลายป็น Unified data มากขึ้นเรื่อยๆ เพราะการแยก Data เป็น Silo ไม่ตอบโจทย์การทำงานกับ Data จำนวนมากๆ
6. Model as platform ทุกวันนี้ Microsoft ใช้ AI ในหลายจุด ซึ่ง Microsoft มี AI as a Service ที่อยากให้นักพัฒนามาลองใช้ AI ให้เป็นเสมือนผู้ช่วยนักพัฒนาในการทำงาน
เช่น การใช้ AI จับบทสนทนาระหว่างหมอ คนไข้ แล้วป้อนข้อมูลเข้ามาเก็บ เพื่อนำไปวิเคราะห์ต่อ ประหยัดเวลาในการรักษา เป็นต้น
7. Hybrid AI ทิศทางของอุตสาหกรรมเป็นไฮบริด รวมถึง AI ด้วย ตอนนี้เราอยู่ในช่วงที่ AI อยู่กระจัดกระจาย ทิศทางต่อจากนี้เราจะเห็นแอปพลิเคชั่นที่อาศัยบน CPU, GPU, NPU ในอุปกรณ์มากมาย ควบคู่ไปกับ Azure
ซึ่ง Microsoft เปิดตัว Hybrid Loop dev pattern ที่สามารถออฟโหลดงาน คอมพิ้วหรืองาน AI ระหว่างคลาวด์ กับ On-Premise ได้แบบเรียลไทม์ เช่นถ้า NPU ตัวนี้ว่าง ก็เพิ่มโหลดเข้ามาเพื่อแบ่งการทำงาน
8. Low Code / No Code เป็นเทรนด์ที่คนไทยกำลังพูดถึงกันเยอะ เพราะ 81% ขององค์กรที่ใช้ระบบนี้มองว่า มันช่วยให้เกิดการทำงานร่วมกันมากขึ้น ซึ่ง Microsoft มีบริการ Low Code / No Code คือ Power Apps
และ Microsoft ยังมีโซลูชั่นที่เรียกว่า Express Design in Power Apps คือแค่เราวาดรูปหน้าตาเว็บไซต์ที่เราต้องการ ถ่ายรูปเข้าไป ระบบจะสามารถ convert ออกมาเป็นเว็บไซต์จริงๆ โดยไม่ต้องเขียน HTML ด้วยซ้ำ นี่คือ Low Code / No Code ที่เกิดขึ้นจริงแล้ว
9. Collaborative apps ทิศทางที่เราเริ่มเห็นคือ การทำแอปพลิเคชั่นที่เกิดขึ้นบน Collaborative Platforms เช่น Microsoft Teams, Microsoft 365
และสิ่งที่นักพัฒนาหลายคนอาจไม่ทราบมาก่อนคือมี Microsoft Graph ที่เปิดใช้งานให้นักพัฒนา นำ signal ไปพัฒนาต่อยอดได้ ตัวอย่างเช่น Adobe Sign เซ็นผ่าน MS Team ได้แล้ว
ซึ่งเทรนด์ตอนนี้มีการใ้ช้ Collaborative apps มา integrate กับ Microsoft Teams มากขึ้น
10. Metaverse ในที่นี้คนอาจจะรู้จัก Metaverse ของ Microsoft ผ่านเกม แต่ Metaverse ที่จะเกิดขึ้นนั้นจะค่อยๆ แทรกซึมเข้ามาอยู่บนโลกการทำงาน Microsoft เปิดตัว Mesh for Microsoft Teams เป็น Metaverse แพลตฟอร์มที่คนเข้าไปร่วมไปจอยกันบน Microsoft Teams ได้ สร้างอวตารของตัวเองเพื่อพูดคุยกับคนอื่นได้ เป็นหนึ่งในทิศทางที่จะพัฒนาไปเรื่อยๆ
Metaverse ยังจะเกิดขึ้นในเชิงอุตสาหกรรมมากขึ้น จะไม่เกิดขึ้นในเชิงสันทนาการเพียงอย่างเดียว แต่มันจะกลายเป็นการพัฒนาโซลูชั่นที่ตอบโจทย์ Use Case ในโลกจริง ตัวอย่างเช่นการสร้าง Digital Twin สร้างแฝดบนโลกดิจิทัลตัวเองไปทำงานในอีกที่หนึ่ง เช่นสร้าง Digital Twin ของวิศวกรทำงานในอกโรงงานที่ต้องรันระบบต่อโดยหยุดไม่ได้
ในงานสัมมนา Best of Build Thailand ยังเป็นโอกาสที่ดีมากของนักพัฒนาซอฟต์แวร์ที่จะได้เข้ามาเทรนนิ่ง อัพสกิล ผ่านโครงการ Microsoft Cloud Squad ที่จะได้มาอัพสกิลในเครื่องมือทั้งหมใดที่กล่าวใน 10 หัวข้อด้านบน โดยแบ่งการเรียนเป็น 4 หัวข้อใหญ่ๆ คือ Cloud Skills, Data Skills, Developer Skills, Microsoft 365 ทุกคนลงทะเบียนเรียนได้ฟรี และยังได้ใบประกาศจาก Microsoft ด้วย
ดูย้อนหลังได้ที่ https://www.zipeventapp.com/ve/Best-of-Build-2022-Thailand