NASA แถลงผลโครงการ DART ภาพถ่ายยืนยันดาวเคราะห์น้อยเปลี่ยนแนวโคจรหลังการชน – SMS Marketing ราคาถูกที่สุด
เกี่ยวกับโครงการ DART หลังตัวยานพุ่งชนดาวเคราะห์น้อย Dimorphos เมื่อวันที่ 27 กันยายนที่ผ่านมา และมีการเก็บข้อมูลด้วยกล้องโทรทรรศน์อวกาศและยานอื่นๆ ตอนนี้ NASA ได้ยืนยันแล้วว่าการโคจรของดาวเคราะห์น้อย Dimorphos มีการเปลี่ยนแปลงหลังการชน ถือได้ว่าการทดสอบนี้ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ของมัน
NASA ได้วิเคราะห์ภาพถ่ายหลายภาพเพื่อตรวจการเคลื่อนที่ของดาวเคราะห์น้อยหลังการชนและได้เผยแพร่บทความอธิบายการสรุปผลวิเคราะห์ภาพเหล่านั้น โดยดาวเคราะห์ Dimorphos มีคาบการโคจรเร็วขึ้น 32 นาที
ดาวเคราะห์น้อย Dimorphos ซึ่งมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางราว 160 เมตร นั้นโคจรรอบดาวเคราะห์น้อยอีกดวงที่มีขนาดใหญ่กว่าที่มีชื่อว่า Didymos โดยก่อนหน้านี้คาบการโคจรของมันใช้เวลา 11 ชั่วโมง 55 นาที แต่หลังการชนของยาน DART ทำให้ Dimorphos ใช้เวลาการโคจรลดลงเหลือ 11 ชั่วโมง 23 นาที (NASA ระบุว่าตัวเลขคาบการโคจรใหม่นี้อาจมีความคลาดเคลื่อนไม่เกิน 2 นาทีต่อรอบ)
วิธีที่ NASA ใช้ในการตรวจสอบคาบการโคจรของดาวเคราะห์น้อยนั้นคือใช้วิธีตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของความสว่างที่สังเกตได้ กล้องโทรทรรศน์อวกาศจะมองเห็นความสว่างที่เกิดจากแสงอาทิตย์ตกกระทบพื้นผิวดาวเคราะห์น้อย Didymos และ Dimorphos และสะท้อนกลับมายังกล้อง
ในช่วงที่ดาวเคราะห์น้อยทั้ง 2 ดวงสะท้อนแสงอาทิตย์กลับมาทั้งคู่ก็จะวัดค่าความสว่างได้ค่าหนึ่ง แต่ในช่วงจังหวะที่ดาวเคราะห์น้อย Dimorphos (อันเป็นดาวเคราะห์น้อยดวงเล็กซึ่งเป็นเป้าการชนของยาน DART) โคจรอ้อมด้านหลัง Didymos ช่วงจังหวะนั้นจะมีแค่ดาวเคราะห์น้อยดวงใหญ่เท่านั้นที่สะท้อนแสงกลับมายังกล้อง ทำให้ค่าความสว่างรวมที่กล้องโทรทรรศน์ตรวจจับได้มีค่าลดน้อยลง
ภาพแสดงให้เห็นว่าในช่วงที่ดาวเคราะห์น้อย Dimorphos (ดวงเล็กที่โคจรไปรอบๆ ) เคลื่อนที่อ้อมผ่านด้านหลังของดาวเคราะห์น้อย Didymos (ดวงใหญ่ที่อยู่ศูนย์กลางของภาพ) จะทำให้ค่าความสว่างที่เกิดจากการสะท้อนแสงอาทิตย์มายังกล้องลดน้อยลง
NASA เก็บข้อมูลค่าความสว่างที่วัดได้จากการส่องดาวเคราะห์น้อยทั้งคู่ และวัดระยะเวลาระหว่างจังหวะที่ค่าความสว่างรวมลดน้อยลงแต่ละครั้ง ซึ่งค่าเวลานี้เองคือคาบการโคจรของ Dimorphos โดยใช้วิธีนี้ในการหาคาบการโคจรทั้งในช่วงก่อนการชนของยาน DART และหลังการชน
ลูกศรสีเทาชี้จังหวะเวลาที่ค่าความสว่างควรจะลดลงหากคาบการโคจรของ Dimorphos ยังเป็น 11 ชั่วโมง 55 นาที, ลูกศรสีเหลืงชี้จังหวะเวลาที่ค่าความสว่างของดาวเคราะห์น้อยลดลงจริงซึ่งให้ผลการคำนวณคาบการโคจร 11 ชั่วโมง 23 นาที, บน: การเก็บข้อมูลค่าความสว่างของดาวเคราะห์น้อยทั้งคู่ตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน ถึงวันที่ 6 ตุลาคม, ล่างซ้าย: ข้อมูลของวันที่ 29 กันยายน, ล่างขวา: ข้อมูลของวันที่ 4 ตุลาคม
เดิมที NASA ตั้งเป้าว่าภารกิจ DART ควรทำให้คาบการโคจรของ Dimophos มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างน้อย 73 วินาที ดังนั้นการทำให้คาบการโคจรลดลงได้ถึง 32 นาทีจึงเรียกว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก หลังจากนี้นักวิทยาศาสตร์จะยังคงเก็บข้อมูลต่อไปโดยศึกษาเรื่อง Ejecta เพื่อศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับธรรมชาติของดาวเคราะห์น้อยให้มากขึ้น
ที่มา – NASA