รีวิว PineNote Developer Edition เครื่องอ่านอีบุ๊คจอ e-ink ที่โฆษณาว่าลงลินุกซ์ได้ – SMS Marketing ราคาถูกที่สุด
หลังจากที่ PINE64 ได้เปิดตัว PineNote เครื่องอ่านอีบุ๊คจอ e-ink ที่โฆษณาว่าลงลินุกซ์ได้ไปเมื่อปีก่อน มาวันนี้ ผมได้สั่งซื้อ PineNote มาเพื่อลองใช้งานกับพัฒนาโปรแกรมต่าง ๆ เลยถือโอกาสหยิบมารีวิวกันครับ
บทความนี้ไม่ได้รับการสนับสนุนใด ๆ จาก PINE64
สำหรับ PineNote ที่ผมได้มารีวิว คือ PineNote Developer Edition ถือเป็นรุ่นสำหรับนักพัฒนาเท่านั้น ซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ยังไม่สมบูรณ์อีกมาก และยังไม่เหมาะกับการใช้งานจริงบนลินุกซ์
สเปคของ PineNote
ชิป RK3566 quad-core A55 SoC
LPDDR4 RAM 4 GB
หน่วยความจำ eMMC ขนาด 128 GB
พอร์ต USB-Type C
5Ghz AC WiFi
ขนาดหน้าจอ 10.3 นิ้ว, Grayscale 16 e-paper display, DPI: 227
น้ำหนัก 438 กรัม (เบากว่า iPad รุ่นที่ 9 นิดหน่อย)
มีลำโพงและไมโครโฟน
ความละเอียดหน้าจอ 1404×1872 พิกเซล
มาพร้อมกับปากกา EMR pen และ Protective cover
หลังจากที่ผมได้กล่องมาแล้ว แกะกล่องจะเจออุปกรณ์สายชาร์จ, ปากกา, PineNote และ Protective cover
ตัวเครื่อง
ตัวเครื่องเป็นพลาสติกทั้งเครื่อง มีแค่พอร์ต USB-C ใต้เครื่อง ไม่มีช่องหูฟัง 3.5 และใส่ microsd ไม่ได้ ทำให้เพิ่มเนื้อที่ไม่ได้ แต่ PineNote มาพร้อมกับ eMMC ขนาด 128 GB ถือว่าเพียงพอมากพอสมควร สำหรับเก็บอีบุ๊ค รวมถึงลงระบบปฏิบัติการลินุกซ์
ด้านหน้า
ด้านหลัง
ด้านหลังจะเป็นรอยมันได้ค่อนข้างง่าย พร้อมลำโพงสองข้างอยู่ด้านหลัง
ซอฟต์แวร์
PineNote Developer Edition ล็อตใหม่ ๆ จะมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 11 ทาง PINE64 ระบุว่าเป็น “Tech Demo” เท่านั้น (ที่ใช้งานจริงได้) โดยจะไม่มีการอัปเดตใด ๆ เพิ่มเติม เพราะจุดมุ่งเน้นของ PineNote คือ ระบบปฏิบัติการลินุกซ์ ทั้ง Debain, Arch Linux และอื่น ๆ
แต่เนื่องจากระบบปฏิบัติการลินุกซ์สำหรับ PineNote ตอนนี้ยังไม่สมบูรณ์อยู่มาก เพราะยังอยู่ในช่วงกำลังพัฒนา ดังนั้นผมจึงขอรีวิวด้วยระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 11 มาพร้อมกับเครื่องสำหรับบทความนี้
หลังจากเปิดเครื่องมา จะพบกับหน้าจอที่ (เหมือน) ถูกปรับแต่งมาให้สำหรับเครื่องอ่านอีบุ๊คจอ e-ink ที่สามารถทำงานฟังก์ชันพื้นฐานของเครื่องอ่านอีบุ๊คจอ e-ink ทั่วไปได้
ซอฟต์แวร์ที่มาพร้อมกับเครื่อง มีโปรแกรมอ่านไฟล์อีบุ๊ค พร้อมสามารถจดโน้ตได้, โปรแกรม WPS Office Lite สามารถจัดการเอกสาร และ XPhoto (อันอื่นไม่นับเพราะเป็นแอปที่ผมติดตั้งเสริมเข้ามาภายหลัง)
สำหรับการใช้งานฟังก์ชันพื้นฐานของเครื่องอ่านอีบุ๊คจอ e-ink ทั่วไปได้ ผมได้ทดสอบดังนี้
ทั้งการอ่านอีบุ๊คไฟล์ PDF
อ่านอีบุ๊คไฟล์ EPUB
การจดโน้ตด้วยปากกา EMR pen
เปิดเว็บ
ทั้งหมดนี้ถือว่าทำงานได้ค่อนข้างโอเค ค่อนข้างไว แถมอ่านภาษาไทยได้ในตัวแบบไม่ต้องตั้งค่าอะไร ยกเว้นตรงอ่านอีบุ๊ค โปรแกรมไม่สามารถทำ highlight ข้อความในไฟล์อีบุ๊คได้ การสลับหน้าค่อนข้างโอเค (อย่าลืมรีเพจหน้าจอ เพื่อล้างหน้าจอเดิมทิ้ง)
สำหรับโหลดแอปเพิ่มเติม เนื่องจากระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 11 สำหรับ PineNote เป็นแค่ Demo ดังนั้นจึงไม่มี Google Play Store มาให้ แต่สามารถติดตั้งได้เพิ่มเติมจากไฟล์ APK ได้อยู่ดี
สำหรับแบตเตอรี่ค่อนข้างโอเค ผมใช้งานตั้งแต่ 14:00 น. จนถึง 1:00 น. จาก 87% เหลือ 68% ทั้งจากการลองต่อไวไฟ ลองเกม และอื่น ๆ
สำหรับตัวอย่างการใช้งานเพิ่มเติมสามารถดูได้จากคลิปของทาง PINE64
สำหรับการลงลินุกซ์ เนื่องจากตอนนี้ยังอยู่ในช่วงกำลังพัฒนา ผมจึงตัดสินใจยังไม่เอามารีวิว เนื่องจากต้องคอมไพล์เองที่ใช้เนื้อที่หลายร้อย GB ดังนั้นผมจึงขอทำรายการลินุกซ์ดิสทริบิวชันที่รองรับ PineNote แล้วได้แก่
– postmarketOS ที่ตอนนี้มีหน้าวิกิสอนวิธีลงแล้ว แต่ยังไม่มี image ให้โหลด ต้องคอมไพล์เอง
– Manjaro มีวิธีการสอนคอมไพล์เพื่อลง Manjaro ใน PineNote
ภาพจาก GitHub
– Debian มีหน้าวิกิสอนลงแล้วเช่นกัน แต่ต้องคอมไพล์เอง
– Arch Linux รองรับ PineNote แล้วเช่นกัน แต่ยังต้องคอมไพล์เอง
ข้อดี
จอ e-ink ขนาด 10 นิ้ว ราคา $399
เนื้อที่ค่อนข้างเยอะทั้งแรมและ eMMC
สามารถลงระบบปฎิบัติการลินุกซ์ได้
มาพร้อมกับปากกา และระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 11 ที่ให้มากับโรงงาน พอใช้งานได้
ข้อเสีย
เป็นรุ่น Developer Edition (ชื่อบอกในตัว)
ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 11 แบบ Demo ที่แพมาตั้งแต่โรงงาน (เพราะมุ่งลินุกซ์)
ไม่กันน้ำ
มีแค่พอร์ต USB-C
ประกันแค่ 30 วัน ตามมาตรฐาน PINE64
สำหรับส่วนตัวผม PineNote Developer Edition ถือว่าค่อนข้างดีเกินคาด (นึกว่าจะทำอะไรได้ไม่มากเท่าไร เพราะระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 11 เป็น Demo จึงไม่ได้คาดหวังอะไร) แต่ไม่แนะนำให้บุคคลที่ไม่คุ้นชินกับลินุกซ์ซื้อไปใช้งาน เพราะระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์บน PineNote จะไม่ได้รับการดูแลใด ๆ ต่อและเรื่องประกันกับความเพียบพร้อมในการใช้งานที่ขาด Google Play store
หากท่านใดมีคำถาม สามารถถามได้ใต้ช่องความคิดเห็นของโพสต์ในเว็บ Blognone นี้ได้เลยครับ