Google โดนอินเดียสั่งปรับเงิน 6.2 พันล้านบาท จากประเด็นผูกขาดทางการค้า – SMS Marketing ราคาถูกที่สุด
Competition Commission of India (CCI) คณะกรรมการด้านการแข่งขันทางการค้าของอินเดีย ได้สั่งปรับเงิน Google เป็นจำนวน 133.78 พันล้านรูปี (คิดเป็นเงินไทยราว 6.2 พันล้านบาท) ในประเด็นการผูกขาดทางการค้าเกี่ยวกับอุปกรณ์ Android
CCI ได้ออกประกาศการสั่งปรับเงินนี้ โดยอ้างถึงแนวทางที่ Google กำหนดให้ผู้ผลิตอุปกรณ์ Android ต้องติดตั้งชุดแอป Google Mobile Suite ทำให้ Google ได้เปรียบเหนือผู้ให้บริการอื่นหลายอย่างในการเสนอบริการผ่านแอปบนอุปกรณ์เหล่านั้น
CCI ได้แจกแจงว่าผลจากนโยบายบังคับติดตั้งแอปทำให้ Google ได้เปรียบการแข่งขันใน 5 ตลาด ดังนี้
ระบบปฏิบัติการสำหรับสมาร์ทโฟน: ระบุถึงการกำหนดนโยบายบีบให้ผู้ผลิตอุปกรณ์เลือกใช้ระบบปฏิบัติการ Android ของ Google และทำให้ไม่เกิดสภาพที่ผู้พัฒนาระบบปฏิบัติการอื่นที่ fork แยกออกมาสามารถแข่งขันได้
ร้านค้าแอปต่างๆ สำหรับอุปกรณ์ที่รัน Android: หมายถึง Google Play
บริการค้นหาข้อมูลผ่านเว็บ: หมายถึงแอปค้นหาของ Google เอง
เว็บเบราว์เซอร์แบบไม่จำกัดระบบปฏิบัติการ: หมายถึง Google Chrome
แพลตฟอร์มวิดีโอออนไลน์: หมายถึง YouTube
โดยรวมแล้ว CCI สรุปว่าการที่ Google มีข้อกำหนดให้ผู้ผลิตอุปกรณ์ Android ติดตั้งชุดแอปของตนเองไปในขั้นตอนผลิตเครื่อง ส่งผลให้แอปและบริการของ Google มีฐานผู้ใช้เพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัติและแทบจะปิดโอกาสการแข่งขันของผู้พัฒนาระบบซอฟต์แวร์และบริการรายอื่นที่จะนำเสนอเป็นทางเลือกให้แก่ผู้บริโภค
ในประกาศของ CCI ยังมีการกล่าวถึงข้อโต้แย้งของ Google ที่ระบุพาดพิงถึง Apple คู่แข่งสำคัญในแง่ผู้พัฒนาระบบปฏิบัติการสำหรับอุปกรณ์พกพา โดย CCI ได้แสดงข้อคิดเห็นเปรียบเทียบว่า Apple ดำเนินธุรกิจโดยเน้นการหาผลกำไรจากการขายสินค้าและบริการมูลค่าสูงด้วยการสร้างระบบนิเวศน์ของผลิตภัณฑ์ตนเองเป็นหลัก กล่าวคือเน้นการทำธุรกิจในแนวดิ่ง ในขณะที่ Google เน้นการขยายธุรกิจในแนวราบโดยมุ่งเพิ่มจำนวนผู้ใช้เพื่อนำไปสู่การสร้างรายได้ผ่านบริการต่างๆ อาทิ บริการค้นหาข้อมูล ซึ่ง CCI มองว่าแนวทางของ Google ขัดต่อกฎหมายป้องกันการผูกขาดทางการค้า
นอกเหนือจากโทษสั่งปรับเงินแล้ว CCI ยังมีคำสั่งให้ Google ระงับการบังคับใช้นโยบายที่ขัดต่อกฎหมายป้องกันการผูกขาดทางการค้า โดยสั่งให้ Google ดำเนินการดังน้
หยุดบังคับผู้ผลิตอุปกรณ์ให้ลงแอปของ Google ไปกับผลิตภัณฑ์ (ผู้ผลิตยังมีสิทธิ์เลือกได้โดยอิสระว่าจะใช้แอปของ Google บางส่วนหรือทั้งหมดหรือไมใช้ก็ได้)
การขายใบอนุญาตใช้บริการ Google Play ต้องไม่พ่วงเงื่อนไขบังคับติดตั้งชุดแอปของ Google อาทิ YouTube, Google Maps, Google Chome เป็นต้น
ห้ามปิดกั้นการเข้าถึง API ของ Google Play Service เพื่อเปิดทางให้นักพัฒนาภายนอกสามารถพัฒนาแอปที่ทำงานกับระบบปฏิบัติการ Android ได้อย่างมีคุณภาพสามารถแข่งขันกับ Google ได้
ห้ามเสนอส่วนแบ่ง หรือผลตอบแทนเป็นเงินแก่ผู้ผลิตอุปกรณ์เพื่อทำข้อตกลงแบบปิดกั้น เพื่อบังคับให้ใช้เครื่องมือค้นหาของ Google
ห้ามใส่ข้อกำหนดที่ผูกมัดผู้ผลิตอุปกรณ์มิให้สามารถเลือกใช้ระบบปฏิบัติการอื่นด้วยการทำสัญญา Anti-Fragmentation Agreement (AFA) และสัญญา Android Compatibility Commitment Agreement (ACC) เพื่อเปิดทางให้ผู้ผลิตอุปกรณ์มีอิสระสามารถพัฒนาระบบปฏิบัติการที่ fork จาก Android ได้
ห้ามเสนอผลตอบแทนเพื่อจูงใจผู้ผลิตอุปกรณ์มิให้ขายผลิตภัณฑ์ที่ติดตั้งระบบปฏิบัติการที่ fork จาก Android
ห้ามปิดกั้นสิทธิ์การถอนแอปของ Google ที่ติดไปกับอุปกรณ์ตั้งแต่แรก เพื่อให้ผู้ใช้สามารถถอนการติดตั้งแอปเหล่านั้นได้โดยอิสระ
ต้องมีระบบให้ผู้ใช้เลือกตั้งค่าแอปพื้นฐานสำหรับบริการค้นหาในการเปิดใช้งานอุปกรณ์ครั้งแรกได้เอง (ห้ามเลือกให้ผู้ใช้ตั้งแต่แรก) และระบบต้องเอื้อให้ผู้ใช้สามารถปรับเปลี่ยนแอปตั้งต้นสำหรับการใช้งานต่างๆ ได้โดยง่าย
ต้องเปิดให้ผู้พัฒนาร้านขายแอปรายอื่น สามารถเผยแพร่ข้อมูลใน Googe Play Store ได้
ห้ามมิให้ปิดกั้นผู้พัฒนาแอปภายนอกในการเสนอบริการและขายแอปผ่านการดาวน์โหลดจากที่อื่นนอกเหนือ Google Play Store
CCI กำหนดว่าให้ Google ปรับปรุงนโยบายและการทำงานให้เป็นไปตามคำสั่งภายในกรอบเวลาที่แน่นอน (แต่ยังไม่มีข้อมูลระบุระยะเวลาที่ชัดเจนในประกาศ) โดยสำหรับโทษปรับเงินงั้น CCI ให้เวลา Google ในการเตรียมข้อมูลและเอกสารต่างๆ เพื่อแสดงต่อ CCI ภายใน 30 วันหลังประกาศ
ในปัจจุบันอินเดียถือเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้ใช้อุปกรณ์ Android มากที่สุดในโลกราว 600 ล้านเครื่อง โดยส่วนแบ่งการตลาดของ Android ในตลาดอุปกรณ์พกพาของอินเดียนั้นสูงถึง 97% ซึ่งนั่นทำให้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Google ได้ทุ่มเงินลงทุนไม่น้อยกว่า 10 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กับตลาดเอเชียใต้
ภาพ Google Doodle วันประกาศอิสระภาพอินเดียปี 2017
ที่มา – TechCrunch